Assumption University

Quelle heure est-il????

++ My musiC ++

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันนี้อยากมาอัพบล็อคค่ะ ^^

ไม่รู้จะอัพอะไร เลยเอาบรรยากาศที่มหาลัยมาให้เชยชมจ้า



บันไดขึ้นห้องเรียน ขึ้นแล้วมึนสุดๆค่ะ ^^



รถรางจ้า ขับช้าได้ใจ(เพื่อความปลอดภัย >0<)


AU MALL มีร้านอาหาร-ร้านคาราโอเกะ-ร้านทำผม-ร้านซักแห้ง-ร้านรับทำความสะอาดห้องนอน-ร้านขายหนังสือ+อุปการณ์คอมฯ


หอพัก


บันไดตึก CL


ตึก SR


สวนนอกห้องสมุด


บรรยากาศรอบๆฝั่งชลบุรี


My friends





ทางเข้าตึก CL (ห้องสมุด)

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตามฝัน

หนูติดศิลปศาตร์ มหิดล แล้วค่ะ
ดีใจกับมะมายด์ด้วยนะ ที่ติด นิติฯ ธรรมศาสตร์
>>ทำตามฝันสำเร็จแล้วววว<<

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

เผย10คณะยอดฮิต520สาขาเด็กไม่เลือก

เผย10คณะยอดฮิต520สาขาเด็กไม่เลือก

ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยผลการประชุม ทปอ.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ตนได้รายงานข้อมูลการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชั่นกลาง ประจำปีการศึกษา 2553 ซึ่งปีนี้มีผู้สมัคร และชำระเงิน 91,590 คน ลดจากปี 2552 เกือบ 2 หมื่นคน โดยคณะ/สาขาวิชา ของมหาวิทยาลัยรัฐ 23 แห่ง มีผู้สมัครมากที่สุด 10 อันดับแรก ดังนี้ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3,409 คน คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ม.บูรพา 2,740 คน คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ม.เชียงใหม่ 2,134 คน คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบัญชี ม.เกษตรศาสตร์ 2,121 คน คณะบริหารธุรกิจ ม.เชียงใหม่ 1,789 คน คณะสังคมศาสตร์ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยวและการโรงแรม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ 1,629 คน คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบ) ม.ศิลปากร 1,580 คน สำนักวิชาวิศว กรรมศาสตร์ (คอมพิวเตอร์ เคมี เครื่องกล ไฟฟ้า โยธา ยานยนต์ สิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม) ม.เทคโนโลยีสุรนารี 1,569 คน คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา ม.ขอนแก่น 1,558 คน และ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการ ม.เกษตรศาสตร์ 1,555 คน

"สำหรับรหัส/สาขาวิชาที่ไม่มีผู้เลือกเลย มีถึง 520 รหัส/สาขาวิชา ทั้งที่เป็นสาขายอดฮิต เช่น คณะรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ซึ่งอาจเป็นเพราะคณะดังกล่าวกำหนดให้ต้องสอบการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/ วิชาการ หรือ PAT ภาษาต่าง ๆ ด้วย เช่น เยอรมัน อาหรับ ภาษาบาลี ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทปอ.ไปดูว่าสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร" ศ.ดร.ประสาท กล่าว

ศ.ดร.ประสาท กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ มีมติเห็นชอบลดค่าสมัครสอบทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และ PAT จากวิชาละ 200 บาท เป็นวิชาละ 150 บาท โดยเริ่มได้ตั้งแต่การสมัครสอบครั้งที่ 2/2553 สอบเดือน ก.ค.นี้ รวมทั้งให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ดำเนินการสมัครและสอบ GAT และ PAT ตามปฏิทินเดิม คือ สอบเดือน ก.ค. ต.ค. และ มี.ค. นอกจากนี้ ทปอ.ยังยืนยันมติองค์ประกอบและค่าน้ำหนักแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2554 ยังคงใช้เหมือนปี 2553 คือ ใช้คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX 20% คะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานหรือ O-NET 30% คะแนน GAT 10-50% และคะแนน PAT 0-40%.

Credit เดลินิวส์

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

My first class @ ABAC

If you’re bored with English or if you scare English, I persuade you that, Assumption University can make you feel fun with English and the bad feeling about your English will be deleted in that time.

My first class at ABAC, in the section 410 (SG426), I opened the door and took a seat in the third line. I don’t have friend in that time, 2-3 minutes, there is a woman opened the door and she took a seat near me. She is May. She is friendly.
Next, the teacher opened the door and she said “Good morning”. Everybody replied after her “Good morning” too. My teacher name is Dr.Laura. She’s good at English. I can translate that she said into Thai.

During my break ( 10:45 – 11.15 AM. ), I went to AU Plaza with May. We bought some water and we drank it.

11:15 AM. , in the class of Dally Teacher. At first, I understood that she said a little bit because she spoke very fast. Then she ordered everybody to introduce themselves. It made everybody to known each other.

My first class at ABAC make good feeling to me. You’ll fun with English, if you at ABAC. ^^

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

คิดถึงจังเลย

คิดถึงโรงเรียนราชินีบูรณะ
คิดถึงอาจารย์
คิดถึงเพื่อนๆ -SKAN 2P-
คิดถึงเพื่อนๆ 6/7
คิดถึงเพื่อนร่วมโรงเรียน
คิดถึงรุ่นน้องที่รู้จัก
คิดถึงน้องหมาดีดี้

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

Promote มหาลัยค่ะ ^^

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (Assumption University) หรือ เอแบค (ABAC) มหาวิทยาลัยเอกชน ในเครือคณะภารดาเซนต์คาเบรียล มี 3 วิทยาเขตตั้งอยู่ที่เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการและ city campus ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่มีระบบการสอนหลักสูตรนานาชาติ




มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พัฒนามาจาก "โรงเรียนอัสสัมชัญพานิชยการ" ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2512 และได้รับวิทยฐานะเป็น "โรงเรียนอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ" ในปี พ.ศ. 2515 สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ย้ายสังกัดมาอยู่ทบวงมหาวิทยาลัยโดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ ) " หรือ Assumption Business Administration College ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเอแบค (ABAC) และเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ได้รับการเลื่อนวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัย และได้ชื่อว่า "มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ" โดยมหาวิทยาลัยได้ใช้ตัวอักษรย่อในภาษาไทยว่า มอช. และภาษาอังกฤษว่า "AU" ซึ่งทำให้อักษรชื่อย่อของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีความสัมพันธ์ กับสัญลักษณ์ทางเคมี คือ Au (ทองคำ)


ชื่อมหาวิทยาลัย : "อัสสัมชัญ" เป็นชื่อที่มีประวัติความเป็นมา และความหมายดังนี้ แรกเริ่มคุณพ่อกอลเบอต์ใช้ชื่อภาษาฝรั่งเศส "Le Collège de L' Assomption" และใช้ชื่อภาษาไทยว่า "โรงเรียนอาซมซานกอเลิศ" (Assumption College) แต่ปรากฏว่าคนทั่วไปมักจะเรียก และเขียนชื่อโรงเรียนผิดเสมอ ดังนั้น เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2453 ภราดาฮีแลร์ (หนึ่งในเจษฎาจารย์ทั้งห้าที่เดินทางมาช่วยรับช่วงดูแลโรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพฯ ต่อจากคุณพ่อกอลเบอต์) จึงได้มีหนังสือไปถึงกรมศึกษา กระทรวงธรรมการ ขอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น "อาศรมชัญ" ดังนั้นชื่อ "อัสสัมชัญ" จึงเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2453 เป็นต้นมา ซึ่ง "อัสสัมชัญ" มีความหมายในภาษาไทยดังนี้ "อัสสัม" เป็นคำบาลีมคธว่า "อัสสโม" แปลงเป็นไทยว่า "อาศรม" หมายถึง "กุฏิทีถือศีลกินพรต" ส่วนคำว่า "ชัญ" เมื่อแยกตามรากศัพท์เดิมเป็น "ช" แปลว่า เกิด และ "ญ" แปลว่า ญาณ ความรู้ รวมคำได้ว่า ชัญ คือ ที่สำหรับเกิดญาณความรู้ เมื่อรวมทังสองคือ "อัสสัม"และ"ชัญ" เป็น "อัสสัมชัญ" แปลว่า ตำหนักที่สำหรับหาวิชาความรู้



ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย : ต้นอโศก (Ashoka Tree) คือ ต้นไม้สัญลักษณ์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า พอลิแอลเธีย ลองจิโฟเลีย (Polyalthea longifolia) มีแหล่งกำเนิดในอินเดียและศรีลังกา เหตุผลที่มหาวิทยาลัยเลือกต้นอโศกเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยเพราะ



เป็นต้นไม้ที่เขียวอยู่ตลอดเวลา แสดงถึงความสดชื่นร่มเย็น ความคงเส้นคงวาต่อความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ หมายความว่า มหาวิทยาลัยจะมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุพันธกิจ ในการให้การศึกษาที่ดีเลิศ โดยไม่ย่อท่อต่ออุปสรรคใด ๆ
เป็นต้นไม้ที่รูปทรงสวยงาม เหมือนสถูปเจดีย์
เป็นมงคลนาม หมายถึง ไม่มีความทุกข์ความโศก และยังเป็นชื่อของกษัตย์อินเดียผู้ยิ่งใหญ่คือ พระเจ้าอโศกมหาราช ที่สร้างอาณาจักรที่เกรียงไกรให้กับอินเดีย และทนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญสูงสุดในยุคนั้น
เป็นต้นไม้ที่นำจากอินเดียสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิภราดาคณะเซนต์คาเบรียล โดยนำมาปลูกพร้อมกันครั้งแรกที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และกรมป่าไม้
แม่พระองค์แห่งปรีชาญาณ หรือ Sedes Sapientiæ (The Seat of Wisdom) ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมหาวิทยาลัยโดยมีความหมายว่า องค์แม่พระเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัย ที่คอยโอบอุ้มนักศึกษา ซึ่งนักศึกษาเปรียบเสมอองค์พระกุมารประทับนั่งอยู่บนตักของแม่พระ

คณะ
คณะบริหารธุรกิจ (ABAC School of Management)
คณะศิลปศาสตร์ (ABAC School of Arts)
คณะนิเทศศาสตร์ (ABAC School of Communication Arts)
คณะนิติศาสตร์ (ABAC School of Law)
คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ABAC School of Engineering)
คณะวิทยาศาสตร์์และเทคโนโลยี (ABAC School of Science and Technology)
คณะพยาบาลศาสตร์ (ABAC School of Nursing Science)
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (ABAC School of Architechture)
คณะดนตรี (ABAC School of Music)
คณะเทคโนโลยีชีวภาพ (ABAC School of Biotechnology)
บัณฑิตวิทยาลัยคณะศึกษาศาสตร์ (ABAC Graduate School of Education)
บัณฑิตวิทยาลัยคณะคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (ABAC Graduate School of Information Technology)
บัณฑิตวิทยาลัยคณะคณะบริหาร (ABAC Graduate School of Business)
บัณฑิตวิทยาลัยคณะคณะปรัชญา (ABAC Graduate School of Philosophy and Religion)
บัณฑิตวิทยาลัยคณะคณะจิตวิทยา (ABAC Graduate School of Counseling Psychology)
วิทยาลัยศึกษาทางไกล ผ่านอินเทอร์เน็ท (ระดับปริญญาโท) (ABAC College of Internet Distance Education )

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มาเฉลย O-net สังคมกันเถอะ!!

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1601738

http://dek-d.com/board/admission/

มีเต็มเลย ลองเข้าไปดูละกันนะ

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องลี้ลับในสถาบัน : รุ่นพี่ที่แอบชอบ..

รื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยฉันเรียนอยู่ม.4 โรงเรียนในย่านปริมณฑล ซึ่งเป็นอดีตโรงเรียนหญิงล้วนประจำจังหวัด ในตอนนั้นมีรุ่นพี่ม.6 ในโรงเรียนเสียชีวิตไป1คน และรุ่นพี่คนนี้แกชอบเล่นบาสเอามากๆ ฉันเองชอบแอบมองพี่เขาอยู่บ่อยๆ เพราะพี่เขาหน้าตาดีมาก และเป็นขวัญใจของรุ่นน้องในโรงเรียนแทบทุกคน

พี่เขาเป็นคนเรียนเก่งมาก
และเหมือนเขารู้ว่าฉันกำลังแอบมองเขาอยู่ และจากนั้นไม่นานพี่เขาก็โดนรถชนที่หน้าโรงเรียน หลังจากได้ข่าวว่าพี่เขาเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ฉันเองตกใจมาก อึ้งเลยทีเดียว เพราะเมื่อวันก่อนพี่เขายังเข้ามาคุยกับฉันอยู่เลย และอีกไม่กี่อาทิตย์เรื่องที่ชวนขนหัวลุกมันก็เกิดขึ้นกับฉัน..

ฉันเองก็เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ซึ่งก็ต้องอยู่ซ้อมจนถึงเย็น หรือมืดเลย และตึกที่น่ากลัวที่สุดของโรงเรียนก็คงไม่พ้น "ตึกวิทยาศาสตร์" เป็นตึกที่มีเรื่องเล่ามากมายสารพัด ฉันเองก็ไม่อยากจะเก็บเอามาคิดตอนนั้น และโรงยิมก็อยู่ตึกเดียวกับตึกวิทย์ซะด้วย ฉันเดินออกจากโรงยิมเพื่อที่จะอาบน้ำ ห้องน้ำตรงโรงยิมเกิดใช้ไม่ได้อีก ฉันเลยต้องเดินลงมาเข้าห้องน้ำอีกชั้นนึง

ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะ
1ทุ่ม ฟ้ามืดแล้ว ไฟในอาคารต่างก็เริ่มถูกปิดลงทีละดวง ฉันเดินเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ ห้องน้ำมีอยู่ 2 ห้อง มีฉันเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องน้ำนั้น เมื่ออาบเสร็จ เสียงฝักบัวต่างเงียบกริบ ฉันรีบใส่เสื้อผ้าเพื่อที่จะรีบกลับบ้าน แต่อีกไม่นาน...สิ่งที่ฉันได้ยิน คือเสียงก๊อกน้ำที่เปิดอยู่ตรงอ่างล้างหน้า

ฉันคิดในใจว่ายังมีคนเพิ่งซ้อมกีฬาเหลืออยู่นอกจากฉันอีกเหรอ
? ฉันตะโกนออกไป "ใครเหรอ" แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันค่อยๆเปิดประตูออกมาดู แต่ก็ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น แถมก๊อกน้ำก็ถูกเปิดอยู่ ฉันเดินไปปิดก๊อกน้ำแล้วเริ่มมองซ้ายมองขวา มองเข้าไปในกระจกมีแต่ฉันเท่านั้นที่อยู่ในห้องน้ำ แล้วใครล่ะมาเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เล่นๆแบบนี้

คราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกหวั่นๆขนเริ่มลุกชูชันขึ้นมาแล้ว
ฉันรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องพักนักกีฬาเพื่อเก็บของกลับบ้าน ในห้องพักก็ไม่มีใครอีกเลยนอกจากฉันคนเดียวเท่านั้น ฉันรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าทันที แล้วรีบเดินออกจากห้องพักโดยเร็ว ในโรงยิมว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคน ถูกปิดไฟมืดไปหมด และเมื่อฉันกำลังล็อคห้องพักอยู่นั้นเอง มีเสียงเดาะลูกบาสดังออกมาจากโรงยิม ตุ่บ...ตุ่บ...ตุ่บ

ฉันมองเข้าไป
เพราะสงสัยว่าดึกป่านนี้ยังมีนักเรียนคนไหนมาเล่นบาสอยู่อีกเหรอ ฉันเปิดประตูโรงยิมเพื่อเข้าไปเปิดไฟ ก็เห็นแต่ลูกบาสที่เพิ่งถูกเดาะกำลังกลิ้งมาทางที่ฉันยืน ฉันมองตามลูกบาสลูกนั้น มองไปรอบๆโรงยิม แล้วฉันก็ได้เจอสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้ฉันถึงกับผงะ และตาค้าง ฉันเห็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียนเลือดท่วมตัว ยืนยิ้มให้ฉันอยู่ตรงแป้นบาส

ฉันไม่รออะไรอีกต่อไปแล้ว
ฉันคิดว่าวินาทีนั้นฉันคงต้องวิ่งสุดชีวิตแล้วล่ะ เช้าวันต่อมา ฉันตื่นสายจนทำให้มาเรียนไม่ทัน แต่ฉันก็ไม่ลืมเรื่องเมื่อวานที่ฉันเห็นได้เลย ฉันเล่าให้อาจารย์พละฟัง แต่ก็เหมือนกับไม่มีใครเชื่อฉันซักคน

จนมีพี่ม
.6 ที่เป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ที่ตาย เข้ามาบอกกับฉันว่า "เพื่อนพี่ที่ตาย มันชอบน้องมานานแล้วแต่มันไม่มีโอกาสบอก มันมาเข้าฝันให้พี่มาบอกน้องนี่แหละ มันมาหาน้องหรือยังล่ะ" ฉันยืนนิ่งไม่พูดอะไรกับพี่คนนั้น เพราะฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อวานนี้ที่โรงยิม ต้องเป็นรุ่นพี่ที่ฉันชอบเขาอยู่แน่ๆ และหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่กล้าออกจากโรงยิม ตอนมืดอีกเลย..

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

เห็นยัง ! กระดาษคำตอบ O-NET ปีนี้

สวัสดีครับ.. ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ สำหรับข้อสอบโอเน็ต 2552 ที่มางวดนี้แปลงร่างเปลี่ยนโฉมใหม่ [ในบางวิชา] ล่าสุด สทศ. กลัวเด็กจะปรับตัวไม่ทันเลยเร่งเปิดเผยกระดาษคำตอบมาให้ได้ทำความเข้าใจกันก่อน ดูไปดูมา นึกว่าข้อสอบ GAT กลับชาติมาเกิดซะงั้นอะ ว่าแต่จะเป็นอย่างไรไปดูกันนนน

>>> วิชาภาษาไทย [สอบ อา.21 ก.พ.53]
ถือเป็นวิชาเดียวที่คงแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จำนวนข้อสอบมี 100 ข้อ 100 คะแนน โดยแบบระบายตัวเลือกยังให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว ข้อละ 1 คะแนน


+++ วิชาภาษาไทย เป็นคำตอบแบบช้อยส์ 4 ตัวเลือก 100 ข้อ แบบนี้คุ้นกันดี +++

>>> วิชาสังคมศึกษา [สอบ ส.20 ก.พ.53]
เปลี่ยนนิดๆ ให้พอตื่นเต้นสำหรับวิชาสังคมศึกษา มีจำนวนคำถาม 100 ข้อ 100 คะแนนเช่นกัน สิ่งที่ให้จับตามากที่สุดคือคำถามส่วนที่ 2


+++ วิชาสังคมศึกษา ส่วนที่ 1 เป็นคำตอบแบบช้อยส์ 4 ตัวเลือก 50 ข้อ +++


+++ วิชาสังคมศึกษา ส่วนที่ 2 ตัวเลือกแต่ละข้อมีมากกว่า 1 คำตอบ 50 ข้อ +++

>>> วิชาภาษาอังกฤษ [สอบ ส.20 ก.พ.53]
ขอเป็นลม 200 รอบ เพราะโอเน็ตภาษาอังกฤษปีนี้ เปลี่ยนซะจนตั้งหลักเกือบไม่ทัน ข้อสอบรวมมีทั้งหมด 70 ข้อ 70 คะแนน พาร์ท 1 และ 2 คงต้องทำความเข้าใจดีๆ ลำพังแปลก็ไม่ออกอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอแบบนี้ขอให้โชคดีทุกคนนะคร๊าบ


+++ วิชาภาษาอังกฤษ ส่วนที่ 1 แต่ละข้อจะมีคำถาม 2 คำถามที่สัมพันธ์กัน
ต้องเลือกคำตอบสำหรับคำถามทั้ง 2 ข้อให้ถูกต้อง หากข้อใดข้อหนึ่งตอบผิด จะไม่ได้คะแนน +++


+++ วิชาภาษาอังกฤษ ส่วนที่ 2 โจทย์แต่ละข้อมี 4 ส่วน (ABCD) ให้เลือกส่วนที่ผิด
และเลือกคำตอบที่แก้ไขจากกลุ่ม ABCD เพียงคำตอบเดียว+++


+++ วิชาภาษาอังกฤษ ส่วนที่ 3 เป็นช้อยส์ 4 ตัวเลือก โอ้ๆๆ นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว +++


>>> วิชาคณิตศาสตร์ [สอบ ส.20 ก.พ.53]
เป็นวิชาที่มีจำนวนข้อน้อยที่สุด เพียง 40 ข้อ 40 คะแนนขาดตัว แต่ปีนี้นอกจากจะมีคำตอบ 4 ตัวเลือกให้ตอบแล้ว ยังมีแบบปรนัยให้คำนวณกันอีกด้วย สู้ๆๆ


+++ วิชาคณิตศาสตร์ ส่วนที่ 1 ช้อยส์ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อครับ +++


+++ วิชาคณิตศาสตร์ ส่วนที่ 2 ถามเป็นอัตนัย คิดได้เท่าไหร่ ก็ฝนตามนั้นเลย +++


>>> วิชาวิทยาศาสตร์ [สอบ อา.21 ก.พ.53]
ปาดเหงื่ออีกรอบกับวิชานี้ ที่มาแนวใหม่แต่ปวดใจคนสอบ แนะนำให้จับตาดีกับพาร์ทที่ 2 ภาพรวมวิชานี้มี 86 ข้อ 80 คะแนน


+++ วิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนที่ 1 ช้อยส์ 4 ตัวเลือกจำนวน 68 ข้อครับ +++


+++ วิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนที่ 2 เป็นชุดคำถาม 3 ข้อ แต่ละชุดต้องทำถูกทั้ง 3 ข้อถึงได้คะแนน +++


>>> วิชาสุขศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ [สอบ อา.21 ก.พ.53]
ในอดีตเป็นวิชาที่ง่ายที่สุด แต่ปีนี้คงไม่ใช่แบบนั้นแล้ว แต่เชื่อน้องๆ ที่ผ่านมาสนามสอบ GAT และ PAT 5 มาแล้วคงทำได้ สบายมาก [หรือเปล่า]


+++ วิชาสุขศึกษา ช้อยส์ 4 ตัวเลือกจำนวน 50 ข้อ 50 คะแนนครับ +++


+++ วิชาศิลปะ ส่วนแรกช้อยส์ 4 ตัวเลือก ส่วนที่สองระบายคำตอบแบบสัมพันธ์กัน +++


+++ วิชาการงานอาชีพฯ ส่วนแรกช้อยส์ 4 ตัวเลือก ส่วนที่สองระบายคำตอบแบบสัมพันธ์กัน +++

--> http://www.dek-d.com/content/admissions/18546/เห็นยัง-กระดาษคำตอบ-O-NET-ปีนี้.htm <---

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

วางตุ๊กตารับตรง จัดระบบมหา'ลัย คาดทันใช้ปี 54

วางตุ๊กตารับตรง จัดระบบมหา'ลัย คาดทันใช้ปี 54 "สุเมธ" เผยตุ๊กตารับตรงแบบใหม่ แก้ปัญหาเด็กวิ่งรอกสอบ เตรียมเสนอ ครม.ออกระเบียบสำนักนายกฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และมหา'ลัยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกำหนดรูปแบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาด้วยระบบรับตรงว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำหนดรูปแบบการคัดเลือกได้วางกรอบการทำงาน พร้อมวางตุ๊กตาเบื้องต้นแล้ว โดยอาจจะมีการจัดตั้งองค์กรกลางมาทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานการรับตรงให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่จะมารับสมัครนักเรียนให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักเรียนที่จะสมัครเข้ารับตรงไม่ต้องไปวิ่งรอกสมัครด้วยตนเองเหมือนปัจจุบันนี้ โดยองค์กรกลางจะรวบรวมข้อมูลการรับของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครองได้ใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมตัวและตัดสินใจในการรับตรง

ดร.สุเมธกล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการดำเนินการ องค์กรกลางจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการสมัครครั้งเดียวพร้อมกันทั่วประเทศ และให้มหาวิทยาลัยกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขการรับนักศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่ให้เด็กสอบน้อยที่สุดหรือไม่ต้องสอบเลย โดยมหาวิทยาลัยอาจจะใช้องค์ประกอบการคัดเลือก เช่น คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET การทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT และมหาวิทยาลัยอาจจะสอบวิชาอื่นๆ เพิ่มเติม หรือจะสอบสัมภาษณ์ก็ได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้จะต้องมีกฎหมายรองรับอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้องค์กรกลางมีอำนาจในการจัดการ มีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ และสถาบันอุดมศึกษาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่องค์กรกลางกำหนดขึ้นด้วย

"ส่วนการสมัครนั้นเด็กสามารถยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานได้ที่องค์กรกลาง โดยเด็กเลือกสมัคร 5 สาขา/สถาบัน ตามลำดับความต้องการมาที่องค์กรกลางพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติและเงื่อนไขเบื้องต้น ก่อนประมวลข้อมูลส่งให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งที่ผู้สมัครเลือก โดยรัฐจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสมัครให้ และเมื่อมหาวิทยาลัยตัดสินใจรับเด็กแล้วก็จะส่งรายชื่อเด็กกลับมายังองค์กรกลาง เพื่อองค์กรกลางจะได้แจ้งข้อมูลให้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ทราบ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน ทั้งนี้ การคัดเลือกในรอบแรกหากมีที่นั่งเหลือ ให้ผู้สมัครที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกยื่นแสดงความต้องการสาขา/สถาบันได้เป็นครั้งที่ 2 แต่จะไม่เกิน 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมขอย้ำว่าข้อมูลนี้ยังไม่เป็นข้อยุติ เป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น จากนี้จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ทั้งจากนักเรียน ผู้ปกครองและมหาวิทยาลัย เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนเมษายน 2553 และคาดว่าอาจใช้ได้ทันในปีการศึกษา 2554" ดร.สุเมธกล่าว.



ขอบคุณ : ไทยโพสต์ 23 ธ.ค.2552