Assumption University

Quelle heure est-il????

++ My musiC ++

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

+ Planter des capucines +

Ce qu'il te faut :

-Du terreau
-Des tuteurs (tu peux aussi prendre des bâtons bien droits)
-Des graines de capucine un bol d'eau
-Un transplantoir ou une pelle
-Du raphia




Comment faire :

-Fais tremper les graines de capucine toute une nuit.




-Prépare un trou peu profond à l'endroit où tu veux planter tes capucines et place 3/4 graines dans le trou.





-Enfonce les tuteurs dans la terre.





-Recouvre les graines de 3 bons cm de terreau.
-Arrose les graines régulièrement.





-Quand les plants ont atteint une hauteur de 10 cm environ, garde les plus beaux plants en
enlevant les plus faibles.





-Au fur et à mesure que les plantes poussent attache-les au tuteur avec du raphia ou de la
petite ficelle.





-Attention les capucines sont très belles mais elles attirent beaucoup les pucerons, alors pense à
acheter des coccinelles qui te débarrasseront naturellement de ces petites bestioles.

- ประโยชน์ที่ได้จากการกินเจ -

การกินอาหารเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลและรักษาประเพณีแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

1.ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมดทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน สารอาหารที่มีคุณค่าในพืชผักและผลไม้จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ

2.เมื่อรับประทานเป็นประจำโลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลงทำให้อายุยืนยาวมีผิวพรรณสดชื่นผ่องใส นัยน์ตาแจ่มใสไม่พร่ามัวร่างกายแข็งแรงรู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด มีสุขภาพพลานามัยดี

3.อวัยวะหลักสำคัญภายใน ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาอาหาร ถุงน้ำดี แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์

4.ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้แก่
1.สารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช
ยาฆ่าแมลง สารดีดีที
2.มลภาวะและก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ซึ่งแพร่

กระจายปะปนไปในอากาศที่เราหายใจอยู่เป็นประจำและยังพบว่ามีปะปนอยู่ในแหล่งน้ำดื่มด้วย
3.
กัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์และในการทำสงคราม สารอาหารในพืชผักช่วย
ให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่างๆ

5.ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติธรรมดาสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ในบรรดาผู้ที่กินอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำความเจ็บไข้ได้ป่วยมักไม่มีปรากฏโดยเฉพาะโรคที่รุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ไขข้ออักเสบ โรคเก๊าส์ โรคเบาหวานฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบเลยในกลุ่มคนผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ

??กินเจเพื่ออะไร??

ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้

1.กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ


2.กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้นซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา


3.กินเพื่อเว้นกรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่าหันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น

พืชผักผลไม้ถือว่าเป็นยาดีๆ นี่เอง

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

@@@Gâteau du nouvel an chinois@@@

Ce qu'il te faut pour cette recette :
-100 g de farine de riz gluant
-150 g de farine de riz ordinaire
-1 verre d'eau

-100 g de sucre
-3 cuillières à soupe de saindoux ou de margarine
-100 g de fruits secs exotiques
-3 cuillières à soupe d'alcool de saké


Comment faire :
-Fais fondre le sucre dans une casserole jusqu' à l'obtention d'un sirop.
-Coupe les fruits secs et mets les à tremper dans 3 cuillières de saké (si tu ne trouves pas de
saké tu peux prendre du rhum)
-Mélange les deux farines de riz dans un grand bol puis ajoute le sirop et le saindoux (ou la
margarine).
-Mélange bien la pâte.
-Ajoute les fruits secs coupés en morceaux.
-Fais cuir entre 50 minutes et 1 heure à four chaud.


วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ความสุขของกะทิ The happiness of Kati

เห็นเพื่อนในกลุ่มชอบอ่าน แต่ว่าเราไม่ชอบอ่านเล่มใหญ่ๆ ก็เลยมาอ่านในนี้มันน่าจะดีกว่านะ
The Happiness of Kati
ความสุขของกะทิ
Pan and Spatula
กระทะกับตะหลิว

Mother never promised to return.
แม่ไม่เคยสัญญาว่าจะกลับมา

The clatter of the spatula against the pan woke Kati that morning as it had every morning she could remember.
เสียงกระทะกับตะหลิวปลุกกะทิให้ตื่นขึ้นเหมือนวันก่อนๆ

The warm scent of freshly cooked rice also played a part, not to mention the smoke from the stove and the smell of crispy fried eggs.
ที่จริงแล้วกลิ่นหอมกรุ่นๆ ของข้าวสุกก็มีส่วนด้วย รวมทั้งกลิ่นควันจากเตาและกลิ่นไข่ทอด

But it was the sound of the spatula hitting the side of the pan that finally broke into Kati's slumber and roused her from her dreams.
แต่เสียงตะหลิวเคาะกระทะต่างหากที่ดึงกะทิให้พ้นจากภวังค์นิทราและภาพฝันสู่วันใหม่

Kati never took long to wash her face and get dressed, and Grandpa joked that she just waved at the washbasin as she raced past.
กะทิไม่เคยใช้เวลาล้างหน้าแต่งตัวนาน ตาล้อบ่อยๆ ว่าวิ่งผ่านนำเสร็จแล้วหรือ
Grandma turned to look at Kati when she came into the kitchen.
ยายหันมามองเมื่อกะทิเข้ามาในครัว

Grandma seldom smiled or greeted her.
ยายไม่เคยยิ้มตอบหรือทักทาย

Grandpa said Grandma's smiles were so rare they should be preserved and canned for export overseas, like top-quality produce.
ตาบอกว่ายิ้มของยายมีน้อย ต้องสงวนเอาไว้อัดกระป๋องส่งออกไปขายต่างประเทศ
Kati ladled rice into a silver bowl.
กะทิคดข้าวใส่ขัน
The white of the rice matched the freshness of the morning air as she cradled the rice bowl against her.
สีขาวๆ ของข้าวสวยเข้ากันดีกับอากาศสดชื่นยามเช้าแบบนี้

The warm steam seemed to rise and fill her chest and her heart, which began to beat faster and harder as she set off at a run for the pier.
ไออุ่นจากขันข้าวในอ้อมแขนแผ่ซ่านทั่วทั้งอกและใจที่รัวจังหวะกระชั้นขึ้นเมื่อกะทิออกวิ่งไปท่าน้ำ

Grandpa was already waiting there -- reading his newspaper, as always. A tray -- containing curry, vegetables, and fried fish, each dish in a small plastic bag -- was beside him.
ตานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่แล้วกับถาดอาหารเหมือนเคย
Before long came the sound of oars slapping the water, and the bow of a boat appeared round the bend.
ไม่นานเสียงพายกระทบน้ำก็ดังขึ้น พร้อมกับที่หัวเรือพ้นคุ้งน้ำออกมาให้เห็น

The vermilion robes of the venerable abbot added a flash of color to the morning.
สีจีวรของหลวงลุงเพิ่มความสดใสให้บรรยากาศ

The abbot's pupil and nephew, Tong, flashed his teeth in a smile that could be seen from afar.
พี่ทองลูกศิษย์ยิงฟันขาวมาแต่ไกล
Grandpa said Tong should join an acting troupe and go into comedy theater, his smile was so contagious.
ตาบอกว่าพี่ทองน่าไปอยู่คณะตลกชวนยิ้ม ยิ้มของพี่ทองเหมือนโรคติดต่อ

Tong's smiles came straight from his cheerful heart, made for his lips and glistening eyes, and sent out ripples like a stone dropped in a pool, so that people around him were affected too.
ยิ้มที่ส่งมาจากหัวใจระรื่น ต่อสายตรงถึงปากและแววตา แผ่รัศมีเป็นคลื่นรอบๆ เหมือนเวลาโยนก้อนหินลง
ในน้ำ จนคนรอบข้างรู้สึกได้

Under the big banyan tree, Grandpa poured water from a little brass vessel onto the ground, completing the offering to the monks.
ตากรวดน้ำใต้ต้นโพใหญ่

Like a river flowing from the mountains to the sea, the water symbolized the merit they had earned and passed on to departed loved ones.
(การกรวดน้ำเหมือนกับแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสู่ทะเล น้ำเป็นสัญลักษณ์ของความดีที่พวกเขาได้รับ)
Kati joined her prayers to Grandpa's and prayed silently that her own wishes would be granted.
กะทิอนุโมทนาบุญกับตา และอธิษฐานอยู่ในใจ
Breakfast was waiting for them at home. They had a big meal like this every morning.
สำรับกับข้าวรออยู่แล้ว มื้อใหญ่แบบนี้ทุกเช้า
Grandpa took the boiled vegetables with the pungent chili sauce, leaving the stir-fried vegetables and fried fish almost entirely to Kati.
ตาจะยึดผักต้มกับน้ำพริกเป็นหลัก ผัดผักกับปลาทอดเป็นของกะทิเกือบคนเดียว

Grandpa avoided fried foods of all kinds.
ตาเลี่ยงของทอดน้ำมันทุกชนิด

He complained behind Grandma's back that eating Grandma's cooking was like eating everything coated in varnish, and that one day he would donate Grandma's pan and spatula to the army to melt down for a cannon for King and Country.
ตาบ่นลับหลังยายว่า อาหารของยายเหมือนทาเชลแล็ก สักวันจะเอากระทะกับตะหลิวของยายไปบริจาคกองทัพหลอมทำปืนใหญ่กู้ชาติ

If Grandma heard him, she'd make such a racket with her spatula and pan that it was a miracle they were still able to do their duty afterward.
ถ้ายายได้ยินก็จะปึงปัง และวันนั้นเสียงตะหลิวเคาะกระทะของยายก็จะดังสั่นสะท้านสะเทือนและถี่กระแทก จนน่าแปลกใจที่กระทะยังอยู่ดีและทำหน้าที่เช่นเดิมได้ในวันต่อมา

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

---ภาพที่ไปทัศนศึกษาค่ะ---

เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ได้ไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์สิ่งแวดล้อม สิริรธร ที่จ.เพชรบุรีมาค่ะ มีรูปมาฝากเยอะแยะเลย สนุกมากๆค่ะ ได้ไปเล่นน้ำทะเลมาด้วยแหละ
















วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

Les fêtes des Français



Le 31 décembre, c'est la St. Sylvestre et le 1er janvier, c'est le jour de l'An. On se réunit en famille ou entre amis autour d'un repas de fête qui varie selon les régions. À minuit exactement, on s'embrasse en s'adressant des voeux, « sous le gui », plante que l'on trouve sur certains arbres, que l'on accroche au-dessus des portes ou à l'intérieur des maisons pour le nouvel an et qui porte bonheur.



Le 6 janvier, c'est l'Épiphanie ou fête des rois. Chez le pâtissier, on achète des galettes qui contiennent un petit objet appelé fève. La plus jeune de la famille, les yeux bandés, donne les parts de galettes : « Pour tante Jeanne, pour papa, pour monsieur Despoyes... » Chacun mange en essayant de ne pas avaler la fève. Celui qui la trouve est couronné roi (ou reine), choisit sa reine (ou son roi) et la famille ou les amis lèvent leur verre en disant : « Le roi boit, la reine boit.»



Le 2 février, c'est la chandeleur, fête religieuse et aussi fête gourmande. Ce jour-là, dans toutes les familles on fait des crêpes. Fines, fines et dorées comme des soleils, elles volent, suivies par les regards admiratifs des enfants. Si elles pouvaient tomber directement dans la bouche ! Faites sauter des crêpes avec une pièce de monnaie dans la main, et vous serez riche toute l'année...



Le 8 février, c'est le Mardi Gras, le dernier jour du carnaval précédant le carême (période de jeûne pour les catholiques pratiquants). Les enfants, et parfos les adultes, se déguisent.On mange des petits gâteaux qui selons les régions, s'appellent merveilles, oreillettes ou bugnes.



Le 14 février, c'est la St. Valentin, fête des amoureux depuis le XVe siècle. Aujourd'hui, on célèbre cette fête en envoyant une carte, ou en offrant un cadeau à celle ou celui que l'on aime.
Un dimanche en mars ou en avril, c'est Pâques, la plus grande fête chrétienne qui commémore la résurrection du Christ.Les enfants cherchent, dans les jardins ou dans les appartements, des oeufs, des poules, des lapins, des poissons en chocolat que les cloches, qui viennent de Rome, déposent en survolant le ciel de France.




Le 1er avril, c'est le jour des farces. Tout est permis ou presque ! Les enfants et même les adultes inventent des farces.- Papa, ton directeur a téléphoné. Il voudrait que tu l'appelles.- Allô, Monsieur le directeur...- Poisson d'avril ! poisson d'avril !
- Tu as vu, Durand, on va augmenter les impôts de 20 %.- De 20 % ! Ce n'est pas possible.- Poisson d'avril ! poisson d'avril !
- Annie, tu as une grosse tache dans le dos de ta robe.- Oh ! mon Dieu, je ne peux pas aller danser comme ça; je rentre à la maison.- Poisson d'avril ! poisson d'avril !
Le 1er mai, c'est la fête du travail et du muguet. Les rues de Paris et même le métro sentent bon, tellement il y a de petits marchands de muguet. On en achète pour soi, on en offre, on en met un brin sur sa veste, sur sa blouse. C'est le printemps, il fait beau, on se promène, on va pique-niquer à la campagne, pêcher, jouer aux boules. Demain, déjà, il faudra reprendre le chemin de l'usine, du bureau, du lycée...




Le 21 juin, c'est le jour le plus long de l'année et c'est la fête de la musique. À l'occasion de cette fête, il y a des manifestations spontanées ou organisées autour de la danse et de la musique, dans les villes et les villages.Le 14 juillet, c'est la fête nationale. La veille, dans toutes les villes de France, on tire de beaux feux d'artifice et on danse dans les rues, même à Paris. Le lendemain matin, on applaudit le défilé militaire. Les grandes vacances commencent.



La grande fête des vacances dure du 1er au 31 août. Malgré les efforts du gouvernement, presque tous les Français prennent leurs vacances en même temps. Beaucoup d'usines ferment, une grande quantité de magasins en font autant.Madame et les enfants sont à la mer. Monsieur est retenu en ville par son travail. Chez lui, tout seul, il découvre les plaisirs de la cuisine, du ménage, du lavage, du repassage. il fait des kilomètres pour trouver une boulangerie ou une blanchisserie ouverte. Mais ô merveille, il peut garer sa voiture partout, et il apprend les langues étrangères, car sauf les autres malheureux, ses frères, il n'y a plus en ville que des touristes étrangers qui s'étonnent de trouver places et avenues désertes.Pendant ce temps, sur les plages, on se disputent le moindre centimètre carré...



Le 1er novembre, c'est la Toussaint, le jour des morts. Dans les cimetières, les tombes sont fleuries de chrysthèmes. Malgré la tristesse générale, les écoliers sont heureux d'avoir les premiers jours de l'année.



Le 25 novembre, c'est la Saint-Catherine, une fête bien parisienne. Les jeunes filles qui ont vingt-cinq ans et ne sont pas encore mariées « coiffent la Sainte-Catherine ». Ces catherinettes mettent des fleurs devant la statue de leur sainte qui se trouve dans la rue du même nom. Pour cette journée, elles ont fabriqué de merveilleux bonnets jaune et vert, plus originaux les uns que les autres. Dans les grandes maisons de couture surtout, on danse, on boit du champagne. La catherinette est la reine de la journée.



Le 25 décembre, « tant l'on crie Noël qu'à la fin il vient ». C'est la fête des fêtes, la lumière de l'hiver, le plaisir de tous. Les étoiles, la neige, les sapins, les cadeaux, les cloches composent le tableau. Toute la famille se réunit devant le réveillon. On mange traditionnellement de la dinde et un gâteau appelé bûche de Noël. Les enfants nettoient les cheminées, cherchent leurs plus grandes chaussures, Le Père Noël prend la route...

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www3.rn.ac.th/moodle/mod/resource/view.php?id=206 แต่ต้องสมัคนเป็นสมาชิกก่อนนะคะ

คำศัพท์ [lexique] :
- varier (v.) = แตกต่าง, หลากหลาย - selon (prép) = ตาม, สอดคล้องกับ

- (s') adresser = พูด, กล่าว, แสดง, ส่ง - voeu(x) (n.m.) = คำอวยพร, ความปรารถนา

- gui (n.m.) = เถาวัลย์ไม้ชนิดหนึ่ง - accrocher (v.) = แขวนไว้, เกี่ยวไว้กับ

- porter bonheur (v.) = นำความสุขหรือโชคมาให้ - galette (n.f.) = ขนมชนิดหนึ่ง นิยมรับประทาน

กันในเทศกาล fête des rois

- contenir (v.) = ประกอบไปด้วย, บรรจุ - fève (n.f.) = เมล็ดถั่ว

- bander (v.) = ปิด, คาดด้วยแถบผ้า... - avaler (v.) = กลืน

- couronner (v.) = สวมมงกุฎ- fin / fine (adj.) = บาง, ละเอียด, ประณีต

- doré (adj.) = ที่เป็นสีทอง - regard (n.m.) = สายตา, การมอง- admiratif /

admirative (adj.) = ที่ชื่นชม / admirer (v.) = ชื่นชม,

ชื่นชอบ- sauter (v.) = กระโดด, โยนให้ลอยขึ้นไป

- carnaval (n.m) = งานคาร์นาวัล- précéder (v.) = นำ, นำหน้ามา

- carême (n.m.) = การถือศิลอด - jeûne n.m) = การงดอาหาร

- pratiquant (adj. et n.) = บุคคลที่เคร่ง, ที่ฝึกปฎิบัติ

- se déguiser (v.) = แปลงโฉม, แปลงร่าง, อำพรางกาย

- amoureux (adj. et n.) = ที่มีความรัก, คนที่มีความรัก

- comémorer (v.) = ระลึกถีง - résurrection (n.f.) = การฟื้นคืนชีพ

- déposer (v.) = วางไว้, ปล่อยไว้ - survoler (v.) = บินเหนือ

- farce (n.f.) = เรื่องตลก, เรื่องหยอกล้อ [= blague]- impôt (n.m.) = ภาษีรายได้

- tache (n.f.) = รอยเปื้อน- Poisson d'avril ! poisson d'avril ! [ใช้พูดเมื่อเราอำหรือหรอกใครได้เป็นผลสำเร็จ = April Fool !]

- muguet (n.m.) = ดอกไม้ชนิดหนึ่งมีสีขาวและกลิ่นหอม มีลักษณะเป็นรูปทรงกระดิ่งเล็ก

- tellement (adv.) = มาก, มากเหลือเกิน -sentir bon (mauvais) = มีกลิ่นหอม (เหม็น)

- brin (n.m.) = กิ่งเล็กๆ- jouer aux boules = เล่นกีฬาเปตอง (=faire une partie de pétanque)

- reprendre le chemin de ... = กลับ (มาทำงาน, มาโรงเรียน ...)

- manifestation (n.f.) = การแสดงออก

- spontané (adj.) = (ในที่นี้ = การแสดง) สด, ปัจจุบันทันด่วน

- organisé (adj.) = (ในที่นี้ = การแสดง) ที่จัดหรือเตรียมการ

- autour (prép.) = รอบๆ, (ในที่นี้ = เกี่ยวกับ)

- veille (n.f.) = วันก่อนหน้า(วันงานหรือเทศกาล)

- feu(x) d'artifice (n.m) =

- lendemain (n.m.) = วันรุ่งขึ้น (วันหลังจากงานหรือเทศกาล)

- applaudir (v.) = ปรบมือ

- défilé (n.m.) = การเดินแถว, การเดินโชว์ / un défilé militaire = การเดินสวนสนามของทหาร / un

défilé de mode = การเดินแฟชั่น

- malgré (prép.) = ทั้งๆที่, ถึงแม้ว่า

- effort (n.m.) = ความพยายาม

- être retenu (v. au passif) = ถูกรั้งไว้, ติดธุระ, ไม่ว่าง

- lavage (n.m.) = การซักล้าง / laver (v.) = ซัก, ล้าง

- repassage (n.m.) = การรีดผ้า / repasser le linge (v.) = รีดผ้า

- merveille (n.f.) = ความมหัศจรรย์, สิ่งมหัศจรรย์ / merveilleux / merveilleuse (adj.) = มหัศจรรย์

- (se) garer (v.) = จอดรถ...

- sauf (prép.) = ยกเว้น, นอกจาก

- (s') étonner (v.) = ทำให้ประหลาดใจ, รู้สึกประหลาดใจ

- place (n.f.) = (ในที่นี้)จตุรัส, ที่ว่าง, ที่นั่ง, สถานะ

- désert / déserte (adj.) = ที่ไร้ผู้คน, ที่ว่างเปล่า

- moindre (adj.) = (ขั้นสูงสุดของ petit) เล็ก, น้อยที่สุด

- carré (adj. et n.m.) = (สี่เหลียมจตุรัส) ตาราง (เมตร, กิโลเมตร..)

- mort (adj.) = ที่ตายแล้ว / un mort (n.m.) = คนที่ตาย / la mort (n.f.) = ความตาย

- cimetière (n.m.) = สุสาน, ที่ฝังศพ

- fleurir (n.f.) = ประดับด้วยดอกไม้, ผลิดอก, ออกดอก- congé (n.m.) = วันหยุด

- coiffer (v.) = ทำผม / coiffe (n.f.) = เครื่องประดับผม / coiffure (n.f.) = ทรงผม / coiffeur / coiffeuse

(n.) = ช่างทำผม

- saint(e) (n.) = นักบุญ

- fabriquer (v.) = ผลิต, ทำขึ้น

- bonnet (n.m.) = หมวก

- original (adj.) = แปลก, ประหลาด

- maison de couture (n.f.) = ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า

- catherinette (n.f.) = สาวๆที่ชื่อคาทรีน (สาวน้อยคาทรีน)

- tant (adv.) = มาก, มากเหลือเกิน

- lumière (n.f.) = แสง

- sapin (n.m.) = ต้นสน / sapin de Noël = ต้นคริสต์มาส- cloche (n.f.) = กระดิ่ง, ระฆัง

- composer (v.) = ประกอบขึ้นเป็น, ทำขึ้น

- réveillon (n.f.) = อาหารมื้อพิเศษ ที่รับประทานกันในวันคริสต์มาส และ วันขึ้นปีใหม่

- bûche de Noël (n.f.) = ขนมเค๊กรูปฟืนไม้ ที่รับประทานกัน ในวันคริสต์มาส

- dinde (n.f.) = / dindon (n.m.) = ไก่งวง

- cheminée (n.f.) = (ในที่นี้)เตาผิง, ปล่องไฟ

- prendre la route (v.) = ออกเดินทาง

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

~~การใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่ใกล้จะมาถึง~~

วันนี้ไปสมัครเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมที่แถวๆปิ่นเกล้ามาค่ะ ไม่เคยเรียนเลย ไปเป็นครั้งแรก ดีนะที่แม่ไปด้วย เพราะว่ากลัวหลงค่ะ (โครตบ้านนอกเลย ขนาดแค่ปิ่นเกล้ายังกลัวหลง ก็จะทำไงได้ล่ะคะ คนไม่เคยนั่งรถทัวร์ไปไหนมาไหนคนเดียวก็เงี้ยแหละ) แต่วันนี้พ่อขับรถพาไปค่ะ พ่อก็ช่างเหลือเกิน พอถึงแล้วพ่อก็ไม่กินอาหารญี่ปุ่น จำชื่อร้านไม่ได้ แต่จำได้ว่าอยู่ชั้น 2 ของเมเจอร์ ไปกินกันสองคนก็น้องพ่อค่ะ ทิ้งคุณลูกกะคุณแม่ให้ไปกันสองคน สงสัยกลัวเราจะกินไม่คุ้ม แต่การไปครั้งนี้มันก็ช่วยทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวจะต้องนั่งรถทัวร์คนเดียวแล้ว ตอนเดือนตุลาอ่ะ ไม่รู้ว่ามันจะสนุกขนาดไหนเนอะ แต่ยังไงก็ต้องเรียนค่ะไม่งั้นเดี๋ยวโง่ สงสัยว่าปิดเทอมนี้คงจะอดไปเที่ยวกะเพื่อนๆแล้ว เพราะว่าเรียนตั้งแต่วันจันทร์ถึงเสาร์เลย วันอาทิตย์หยุด แต่ก็คงจะนอนที่บ้านน้าเลย ไม่กลับบ้านหรอก การใช้ชีวิตแบบใหม่เริ่มใกล้เข้ามาแล้วล่ะสิ

++++Musée du Louvre++++

Musée du Louvre



Le musée du Louvre est le plus grand musée parisien par sa surface (160 106 m² dont 58 470 consacrés aux expositions). Situé au cœur de la ville de Paris, entre la rive droite de la Seine et la rue de Rivoli, dans le Ier arrondissement, le bâtiment est un ancien palais royal, le Palais du Louvre. La statue équestre de Louis XIV constitue le point de départ de l'axe historique, mais le palais n'est pas aligné sur cet axe. C'est l'un des plus anciens musées et le troisième plus grand au monde en terme de superficie. Le Louvre possède une longue histoire de conservation artistique et historique de la France, depuis les rois capétiens jusqu'à nos jours.
Musée universaliste, le Louvre couvre une chronologie et une aire géographique larges, depuis l'antiquité jusqu'à 1848, de l'Europe occidentale jusqu'à l'Iran, via la Grèce, l'Egypte et le Proche-Orient. A Paris, la période postérieure à 1848 pour les arts européens est prise en charge par le musée d'Orsay et le Centre Pompidou, alors que les arts asiatiques sont exposés à Guimet. Les arts d'Afrique, d'Amérique et d'Océanie prennent quant à eux place au musée du quai Branly, mais une centaine de chefs d'oeuvres sont exposés au pavillon des sessions. Les œuvres sont de nature variée : peintures, sculptures, dessins, céramiques, objets archéologiques et objets d'art... Parmi les pièces les plus célèbres du musée se trouvent le Code d'Hammurabi, la Vénus de Milo, La Joconde de Léonard de Vinci, et La Liberté guidant le peuple d'Eugène Delacroix. Le Louvre est le musée le plus visité au monde, avec 8,3 millions de visiteurs en 2006.

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551

Le cochon d'Inde ou Cobaye


Le cochon d'Inde est un animal qui aime être caressé et embrassé, à ce titre il est un compagnon idéal pour les enfants. Il existe de nombreuses sortes de cochon d'Inde, les couleurs sont variées ainsi que le type de poil. Le cochon d'Inde est très affectueux mais il peut être assez peureux, l'apprivoiser demande un peu de temps et de patience.
Le cochon d'Inde mord très rarement. Le mâle est généralement plus affectueux que la femelle. Le cochon d'Inde n'aime pas la solitude, s'il vit seul il aura besoin d'attentions et de vivre près des humains.
Le cobaye est un grand rongeur qui dans la nature vit en petit groupe composé de plusieurs femelles, d'un mâle et de plusieurs petits.