Assumption University

Quelle heure est-il????

++ My musiC ++

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ญี่ปุ่นอวดโฉมหุ่นยนต์นางแบบในชุดเจ้าสาว

เอเจนซี - สถาบันเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมชั้นนำแห่งชาติญี่ปุ่น(AIST)เปิดตัวหุ่นยนต์นางแบบ "Miim" อย่างเป็นทางการ โดยหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์สวมชุดเจ้าสาวที่ออกแบบโดยยุมิ คัตซุรา ดีไซเนอร์แดนปลาดิบ ขณะที่ผู้พัฒนามันขึ้นเผยว่า หุ่นยนต์รุ่นี้มีมูลค่า 72 ล้านบาท

หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ HRP-4C ชื่อ "Miim" มีมอเตอร์ควบคุมการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์รวม 40 ตัว เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหวของนางแบบที่มีเลือดเนื้อจริงๆ โดยหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถแสดงได้หลากหลายอารมณ์ เช่น โกรธ สนุก และประหลาดใจ ผ่านคำสั่งจากอุปกรณ์บลูทูธ

แม้จะสูงเพียง 158 เซนติเมตร ซึ่งเป็นส่วนสูงโดยเฉลี่ยของผู้หญิงญี่ปุ่นอายุระหว่าง 19-29 ปี แต่มีนำหนักเท่ากับสาวผอมบางเพียง 43 กิโลกรัม
คาซุฮิโตะ โยโกอิ นักพัฒนาของสถาบันเอไอเอสที เผยว่า ใช้งบประมาณพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปมากกว่า 200 ล้านเยน หรือราว 72 ล้านบาท โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมด้านบันเทิงเป็นหลัก แต่ยังไม่ได้วางขายในตลาด





ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2552 20:09 น.

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ใช้ฟันปลูกถ่ายในเบ้าตา หนุ่มดีใจกลับมามองเห็นอีก


มาร์ติน โจนส์ จากเซาท์ยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ พิการตาบอดจากกระจกตา สามารถกลับมามองเห็นอีกครั้ง เมื่อนายแพทย์คริสโตเฟอร์ หลิว จากคลินิกโรคตาซัสเส็กซ์ ผู้คิดค้นเทคนิคนี้ได้ทำการผ่าตัดให้ โดยปลูกถ่ายฟันเข้าไปในลูกตา การผ่าตัดในลักษณะดังกล่าวมีไม่ถึง 50 รายในอังกฤษ
เมื่อ 12 ปีที่แล้วโจนส์ได้รับอุบัติเหตุอลูมิเนียมร้อนระเบิดใส่ ขณะทำงานอยู่ที่โรงเก็บและรับซื้อของเก่า ทำให้มีบาดแผลไฟไหม้ถึง 37% จนต้องควักตาซ้ายออก แต่แพทย์เก็บตาขวาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น

สำหรับขั้นตอนการรักษาเริ่มจาก แพทย์ต้องถอนฟันของโจนส์ออกมาเหลาให้พอดี เพื่อนำไปปลูกถ่ายในลูกตา การที่ต้องใช้ฟันเป็นเพราะถ้าใช้พลาสติกที่มีลักษณะเดียวกันแล้ว ร่างกายอาจไม่รับสิ่งแปลกปลอม
ต่อมาคือนำเนื้อเยื่อจากกระพุ้งแก้มมาครอบที่ดวงตาเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อเลี้ยงให้หลอดเลือดเจริญเติบโต เมื่อได้เวลาแล้วก็เอาฟันเข้าไปปลูกถ่ายในเบ้าตา ซึ่งฟันนี้เป็นที่ยึดเลนส์ แล้วแพทย์จะเจาะรูที่เลนส์ตาเพื่อให้ลำแสงส่องผ่านมาได้ เท่านี้ตาก็กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
โจนส์ กล่าวว่า "การกลับมามองเห็นอีกครั้งได้เปลี่ยนชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นของขวัญล้ำค่า บางคนอาจไม่เห็นถึงความสำคัญของตาจนกว่าจะสูญเสียมันไป"

รูปการสร้างเทพีเสรีภาพ








วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Airbus A380

เครื่องบินแอร์บัส A380 ของสายการบินเอมิเรตส์

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจ

ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุด "สายการเอมิเรตส์" ได้มองเห็นช่องทางจึงสั่งเครื่องบิน "แอร์บัส A380" จาก บริษัทแอร์บัส มาให้บริการผู้โดยสาร
คอนสแตนติน รีเจนคอฟ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของเครื่องบินแอร์บัส 380, แอร์บัส ภูมิภาคตะวันออกกลาง และ ฌอน ลี ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ แอร์บัส ภูมิภาคเอเชีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับ เครื่องบินแอร์บัส A380 ว่า เครื่องบินแอร์บัส A380 ถือเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลกในขณะนี้ แอร์บัส A380 มีห้องโดยสารสองชั้นขนาดใหญ่ 4 เครื่องยนต์ สามารถบรรจุผู้โดยสารได้สูงสุด 800 คน เครื่องบินรุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบการบินเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2548 โดยบินขึ้นจากเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส

โดยสายการบินเอมิเรตส์ ก็ถือเป็นสายการบินแรกๆที่สั่งเครื่องบินยักษ์ใหญ่นี้มาใช้บริการ และเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนี้ที่สั่งซื้อ A380 ถึง 58 ลำ บริษัทแอร์บัสเชื่อว่าในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการใช้เครื่องบินนี้ถึง 1,280 ลำ โดยเห็นว่า เครื่องบินแอร์บัส A380 นี้ เป็นเครื่องบินที่ใหญ่ ขนส่งผู้โดยสารได้เยอะในขณะเดียวกันก็ลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี โดยประหยัดพลังงานได้มากกว่ารุ่นเดิมที่เคยใช้ได้ถึง 17 % มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ทำให้สามารเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารได้มากขึ้น เป็นเที่ยวบินที่ค่อนข้างเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน เพิ่มจำนวนที่นั่งผู้โดยสารได้เป็น 489 ที่นั่ง ราคาต้นทุนต่อที่นั่งลดลงเมื่อเครื่องบินมีขนาดใหญ่ขึ้นช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของสายการบิน และA380 ถือเป็นเครื่องบินที่เป็นนวัตกรรมทางการบินที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถให้ความสะดวกสบายกับผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่

ซึ่งความพิเศษของเครื่องแอร์บัส A380 ภายใต้การบริหารของสายการบินเอมิเรตส์ ได้นำเสนอนวัตกรรมที่จะทำให้การเดินทางของผู้โดยสารทุกระดับชั้นมีความสะดวกสบายและมีความเพลิดเพลินมากขึ้น และจะแบ่งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารเป็น 2 ชั้น โดยส่วนของชั้นบนจะเป็นห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง (First Class) และห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ส่วนชั้นล่างจะเป็นส่วนของห้องผู้โดยสารชั้นประหยัด (Economy Class)

ห้องส่วนตัวของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง(First Class)

สำหรับ "ห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง" จัดเป็นห้องสวีทส่วนตัวขนาด 2.08 เมตร มีจำนวน 14 ห้อง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ที่นั่งที่สามารถปรับเอนนอนได้ เตียงติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อำนวยความสะดวกในการวางขา พิงหลัง พิงศีรษะ วางแขน เบาะรองนั่งกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีระบบนวดหลายมิติ พร้อมหน้าจอแอลซีดี ขนาด 23 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับระบบความบันเทิงไอซ์ (ICE) ซึ่งเป็นระบบที่ทางสายการบินมีให้บริการอยู่ในทุกชั้นของเครื่องบิน โดยประกอบไปด้วยข้อมูลข่าวสาร ระบบสื่อสาร และความบันเทิง โดยมีช่องความบันเทิงกว่า 1,100 ช่อง วิทยุ 700 ช่อง โทรทัศน์ 100 ช่อง ภาพยนตร์ 190 ช่อง เกมส์ 100 เกม
และที่พิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ก็คือ มีบริการห้องอาบน้ำสปา 2 ห้อง โดยห้องอาบน้ำแต่ละห้องมีฝักบัวที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและเวลาได้โดยแยกสัดส่วนจากบริเวณที่เปลี่ยนเสื้อผ้า และสุขภัณฑ์ อีกทั้งในห้องอาบน้ำยังมีจอแอลซีดีขนาด 15.4 นิ้ว ที่แสดงสถานะบิน บริการไดร์เป่าผม

ผู้โดยสารในชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง สามารถใช้บริการบาร์แบบเต็มรูปแบบได้ตลอดเวลา
สำหรับ "ห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจ" มีจำนวน 76 ที่นั่ง พิเศษด้วยที่นั่งแบบปรับนอนราบได้ถึง 180 องศา เหมือนนอนบนเตียง ภายในที่นั่งประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ มินิบาร์ โต๊ะส่วนตัว ที่พักขาที่ปรับให้ยาวขึ้นได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เก็บเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ช่องเก็บหนังสือ ช่องเก็บรองเท้า ที่พักศีรษะที่สามารถปรับได้ และในส่วนของหน้าจอแอลซีดีขาด 17 นิ้ว และระบบความบันเทิงแบบไอซ์ ทั้งดูหนังฟังเพลงเหมือนกับของชั้นหนึ่ง

ทั้งนี้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจสามารถใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารได้ โดยมีบาร์บริการอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยเครื่องดื่มสารพัด และอาหารว่างทั้งร้อนและเย็น
ในส่วนของ "ห้องผู้โดยสารชั้นประหยัด" มีจำนวน 399 ที่นั่ง สามารถปรับเอนได้ 6 นิ้ว ภายในที่นั่งประกอบไปด้วยหูฟัง ช่องใส่หนังสือ ที่แขวนเสื้อโค้ต โต๊ะที่สามารถพับได้ หน้าจอแอลซีดีกว้าง 10.6 นิ้ว ที่เชื่อต่อกับระบบความบันเทิงไอซ์ ช่องเสียบไฟสำหรับคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊ค ช่องเสียบหูฟังและช่องสายยูเอสบี

และในขณะนี้สายการบินเอมิเรตส์ได้นำเครื่องบินแอร์บัส A380 มาให้บริการบินตรงในเส้นทางกรุงเทพฯ-ดูไบ โดย จอห์น ฟีลิกซ์ รองประธานอาวุโสของเอมิเรตส์ ฮอลิเดย์ กล่าวว่า ส่วนมากเส้นทางดูไบ-กรุงเทพฯ ส่วนมากจะเต็มเกือบทุกเที่ยวบิน เนื่องจากทางเอมิเรตส์ ฮอลิเดย์ ได้ทำงานร่วมกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน

สำหรับคนดูไบมักจะชอบไปช้อปปิ้งและไปเที่ยวในเมืองไทย เพราะเขาเห็นว่าประเทศไทยมีการท่องเที่ยวที่หลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของคนแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี เช่น กลุ่มท่องเที่ยวทะเล เที่ยวทางวัฒนธรรม สปา เชิงกีฬา และอาหารไทย โดยนักท่องเที่ยวจากดูไบจะมาเที่ยว ในกรุงเทพฯ ประมาณ 50% และเที่ยวที่เชียงใหม่ และทางหาดทรายชายทะเล ประมาณ 25-30 % ส่วนคนไทย ที่นิยมไปเที่ยวดูไบ เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ปลอดภาษี มีร้านอาหารมากมาย เที่ยวในทะเลทราย ขี่ม้า ขี่อูฐ ตกปลา เป็นต้น.


วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ข้อสอบปีก่อนๆนะคะ

ปี 49(ONET&ANET)

ENG
ONET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=Z6uam5WnbK%2BbmJyns6yZlJyiZa2Wlpyn5
ANET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=ZqqampemZbOhnJSlsqyZlJyiZK2Wlpyp4

MATH
ONET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=brOel5yuabCenOKnaaqhkZSoZqyhm5es9
ANET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=aK%2BflZWrarKhm5mlr6yZlJyiYa2Wlpyn1

SCIENCE
ONET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=aK%2BhnJ2ma7CgluKnZaqhkZSoYqyhmJiq5

THAI
ONET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=baudlZmucLKfmZSntqyZlJyiaK2Wlpyn8
ANET49 - http://www.ziddu.com/downloadlink.php?uid=ZK6dmp2tY7KZlOKnYqqhkZSoX6yhl5So2



ปี 50 (ONET)

เลข : http://www.ziddu.com/download.php?uid=bK2elZeuaaygmJettKyZlJyiZq2Wlpyn6
ไทย : http://www.ziddu.com/download.php?uid=Z66ZmZWpZaycluKnY6qhkZSoYKyhmZiu3วิทย์ : http://www.ziddu.com/download.php?uid=ZrKgl5moY7GfnOKnYaqhkZSoXqyhm5ao1สังคม : http://www.ziddu.com/download.php?uid=a7KclZeuZaycluKnZKqhkZSoYayhnZqu4อังกฤษ: http://www.ziddu.com/download.php?uid=Z7Gal5Wma7GhluKnZqqhkZSoY6yhlpWm6



เฉลย.จำไม่ได้ว่าอันไหนวิชาอะไร -_-'' ขอโทษทีเพื่อนๆ

File1: http://www.ziddu.com/download.php?uid=aauempysY6qZ4palYbKWlJeiY7KalJc%3D1
File2: http://www.ziddu.com/download.php?uid=ZaublJuuY6ueluKnY6qhkZSoYKyhlpqo3
File3: http://www.ziddu.com/download.php?uid=aa2bl5WqbK2anOKnZaqhkZSoYqyhmZes5
File4: http://www.ziddu.com/download.php?uid=bK6fnJmmbKuZlZWnsqyZlJyiZK2Wlpyr4
File5: http://www.ziddu.com/download.php?uid=Z6%2BhnZSpaKygluKnZKqhkZSoYayhmJis4

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Michael Joseph Jackson



ไมเคิล แจ็กสัน

มีชื่อเต็มว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน (Michael Joseph Jackson) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เอ็มเจ (MJ) หรือแจ็กโก้ (Jacko) เป็นนักร้องชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชาเพลงป็อป หรือ “ King of Pop ”

ชีวิตส่วนตัวและเรื่องอื้อฉาว

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2537 ไมเคิลได้สร้างประหลาดใจให้แก่แฟน ๆ เมื่อจู่ ๆ ประกาศหมั้นและแต่งงานกับ ลิซ่า มารี เพรสลีย์ บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์อย่างกระทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามี ภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี พ.ศ. 2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน (ภายหลังไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับเด็บบี้ โรวว์ พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน)

ไมเคิลมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กมากมาย มักปรากฏข่าวถึงการลวนลามทางเพศกับเด็กผู้ชายเสมอ ๆ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 ไมเคิลต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาเลยทีเดียว เมื่อมีคดีข่มขืนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏว่าศาลพิพากษาให้รอดพ้นไป รวมทั้งเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารกอยู่โดยทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจากหน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ เพื่อทักทายแฟน ๆ ที่รออยู่ข้างล่าง จนได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม เป็นต้น

ถึงแก่กรรม

ไมเคิล แจ็กสัน ได้ถึงแก่กรรมอย่างกระทันหันในวัย 50 ปี ในช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ณ ศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (Ronald Reagan UCLA Medical Center) เมื่อเวลา 14 นาฬิกา 26 นาที ตามเวลาท้องถิ่น [55] หรือเวลา 4 นาฬิกา 26 นาที 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ตามเวลาประเทศไทย โดยสาเหตุการเสียชีวิตเชื่อว่าเขามีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่ยังต้องรอผลการชันสูตรศพเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก่อน และข่าวการเสียชีวิตก็ได้เป็นข่าวโด่งดังและเป็นที่สนใจไปทั่วโลก

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

*****น้ำแอปเปิ้ลปั่น*****




อุปกรณ์

๑ เครื่องปั่นน้ำผลไม้

๒ ผลไม้อะไรก็ได้แล้วแต่หาได้

๓ น้ำเชื่อม

๔ โยเกิร์ตหรือ นมสด กรณีที่เป็นพวกแอปเปิล กล้วย หรือ สตอร์เบอร์รี่

๕ น้ำเปล่า ๖ เกลือ๗ น้ำแข็ง

๘ แก้วสวยๆ หรือแก้วอะไรก็ได้ รีบๆเหอะ เพราะเราไม่ได้กินแก้ว ห้าๆๆๆ


ส่วนผสม

แอปเปิ้ลแดงหรือเขียวหั่น 1/2 ถ้วย

น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำแข็งป่น 1 แก้ว

น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว

น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย


วิธีทำ

1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น หากชอบรสชาติเปรี้ยว อาจจะเติมน้ำมะนาวลงไปอีกเล็กน้อย

2.ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือเล็กน้อย ปั่นให้น้ำแข็งละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเทใส่แก้วพร้อมเสริฟ